ทำตลาดในปี 2013 แม้จะไม่ได้ถูกเปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการอะไรนัก แต่ด้วยชื่อชั้นของรองเท้าฟุตบอลตระกูลนี้
ก็เพียงพอที่จะทำให้ได้รับความสนใจจากบรรดานักฟุตบอลทุกระดับ ที่มีคำถามคล้ายๆ กันว่า รองเท้ารุ่นนี้
แตกต่างจากรุ่นเก่า(เจเนอเรชั่นที่แล้ว)อย่างไร !? วันนี้ SiamBoots จะมาไขคำตอบด้วยบททดสอบตามแบบ
ฉบับของเรา มาวิเคราะห์กันถึงข้อดีข้อด้อยและการเปลี่ยนแปลงของ Predator® Lethal Zones II แบบตรงไปตรงมา เช่นเดิม
นานพอสมควรแล้วที่ผมได้รับอาดิดาส Predator® Lethal Zones II สีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสีเปิดตัวคู่นี้มาไว้ใน
ครอบครอง จนกระทั่งทำบทความ "Hand On!" ให้ทุกท่านได้อ่านเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปนานแล้ว แต่ด้วยเหตุผล
สำคัญหลายๆ อย่าง ที่ทำให้บทความ "Boots Testing!" ที่จะมาทดสอบการใช้งานจริงของรองเท้ารุ่นนี้ ต้องถูก
เลื่อนออกมานานขนาดนี้ จนกระทั่งสีใหม่ๆ ออกมาทำตลาดกันเกลื่อนกลาดไปหมดแล้ว ครั้นจะมอบรองเท้าให้
ทีมงานของเว็บ ที่สวมใส่ไซด์เดียวกัน ไปใส่ทดสอบ ถ่ายภาพ และมาเขียนบทความแทนผม ก็เกรงว่ามาตรฐาน
การวิเคราะห์วิจารณ์อาจจะแตกต่างกัน ยิ่งต้องมาวิจารณ์กันตรงๆ เปรียบเทียบกับรองเท้ารุ่นอื่นๆ ทั้งค่ายเดียวกัน
หรือข้ามค่าย ก็อาจจะเกิดความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงขอรีวิวทดสอบการใช้งานด้วยตัวเองดีกว่า จะได้เป็นมาตรฐานระดับเดียวกันกับบทความที่ผ่านมา
มาเป็นประเภทคอนโทรลอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เจเนอเรชั่นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจเนอเรชั่นใหม่ที่เห็นอยู่นี้
องค์ประกอบและลูกเล่นโดยภาพรวม มันดูเหมือนว่าอาดิดาสได้พยายามเอาลูกเล่นเก่าที่มีอยู่ มาปรับปรุงใหม่
แต่งหน้าทาปากใหม่ ก่อนที่จะเริ่มวางขายแบบเงียบๆ ไม่ได้มีงานเปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการ ไม่มีแม้กระทั่งข่าว
PR อย่างเป็นทางการจากอาดิดาส ไม่เห็นแม้กระทั่งกราฟฟิกภาพโปรโมทของพรีเซนเตอร์หลัก !! ทุกสิ่งทุกอย่าง
ช่างแตกต่างกับรองเท้าสายพันธุ์ใหม่ป้ายแดงอย่าง Nitrocharge ราวฟ้ากับดิน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ คงเดาได้ไม่ยาก
นั่นก็คืออาดิดาสต้องการเน้นโปรโมทรองเท้าซีรี่ย์ใหม่ของตัวเองมากกว่า ในเมื่อตัวรองเท้ามีกำหนดวางตลาด
เฉียบกัน จนแทบจะเป็นวันเดียวกันซะขนาดนั้น อาดิดาสจึงใจแข็งเน้นโปรโมท Nitrocharge อย่างเดียวเลย
งานนี้แม้ว่า Predator® Lethal Zones II อาจจะมีน้อยใจ ทั้งๆ ที่เป็นรองเท้าฟุตบอลระดับตำนานที่ทำเงิน
ให้กับอาดิดาสเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด แต่ก็ดูเหมือนว่าอาดิดาสจะตัดสินใจถูกที่ทำเช่นนี้ ด้วยชื่อชั้นของ
รองเท้าสายพันธุ์นักล่าที่วันนี้เปลี่ยนตัวมาเป็นคอนโทรล มันก็มากเพียงพอที่จะเรียกให้บรรดานักเตะทั้งหลาย
ให้ความสนใจ โดยไม่ต้องทำการโปรโมทอะไรมากมายนัก
โดยส่วนตัวแล้วผมเองมีโอกาสได้คุยกับ คุณจ็อบ วรวรรธน์ เตชะมนตรีกุล ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดของ
บริษัท อาดิดาส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ที่สนับสนุน รองเท้าฟุตบอลอาดิดาส Predator® Lethal Zones II มา
ให้ผมได้รีวิวทดสอบการใช้งาน เกี่ยวกับรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ไม่มากนัก เลยไม่มีอะไรมาเมาส์ให้คุยผู้อ่านทุกท่าน
ได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เอาเป็นว่าหน้าที่ของผมต่อจากนี้คือ จะไปสวมใส่รองเท้า 5 โซนอันตรายคู่นี้
ลงสนามทดสอบการใช้งาน พร้อมทั้งวิเคราะห์วิจารย์ถึงข้อดีข้อด้อย แบบตรงไปตรงมา ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าไม่ดี
ติเพื่อให้ทางผู้ผลิตเอาไปปรับปรุงแก้ไข ซึ่งเป็นสิ่งสิ่งที่อาดิดาสเปิดโอกาสให้ผมทำมาโดยตลอด ไม่มีการ
โทรมาขอให้เอาข้อความนู้นออก ให้แต่งข้อความนี้ใหม่หรือให้เชียร์จุดแข็งตรงนี้ แม้แต่ครั้งเดียว เพียงเพื่อ
ต้องการให้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าฟุตบอลของคุณผู้อ่าน ว่ารองเท้ารุ่นนี้ตรงตามความ
ต้องการของท่านหรือไม่ แล้วเราจะได้มาเล่นฟุตบอลให้สนุกด้วยรองเท้าฟุตบอลที่เหมาะสมกับตัวเอง ไปด้วยกัน...
แนวคิดการพัฒนารองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้ คือการเอาวัสดุอะไรสักอย่างที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการ
ควบคุมลูกฟุตบอลให้กับตัวรองเท้า โดยคนที่เป็นเจ้าพ่อที่คิดค้นรองเท้าซีรี่ย์นี้ขึ้นมาก็คือ "Craig Johnston"
ที่ ณ เวลานั้น ค้าแข้งอยู่กับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เขาได้คิดเอาวัสดุประเภท "แถบยาง" ที่มีผิวพื้นไม่เรียบ
มีมิติสูงต่ำสลับฟันปลามาติดเอาไว้บนหลังเท้าเต็มไปหมด ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากของวงการรองเท้าฟุตบอล
ในยุดปี 1993-1994 จึงทำให้รองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้เป็นที่รู้จักของบรรดานักฟุตบอลทั่วโลกในระยะเวลาอันสั้น
จนถูกสวมใส่ลงสนามโดยนักฟุตบอลจำนวนมากจนเป็นเรื่องปกติไปเลย
จากแนวคิดดังกล่าว จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้ว อาดิดาส Predator® ถูกออกแบบมาในฐานะรองเท้าฟุตบอล
ประเภท "คอนโทรล" มาตั้งแต่แรก เพียงแต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครนิยามประเภทของรองเท้าฟุตบอลเอาไว้
อย่างชัดเจนแต่อย่างใด เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ถือเป็นเรื่องปกติที่รองเท้าซีรี่ย์นี้จะได้รับการพัฒนาปรับปรุง
และออกเจเนอเรชั่นใหม่มาเรื่อยๆ ในช่วงแรกๆ นั้น การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงยังเป็นไปในรูปแบบปรับนู่นนิด
ปรับนี่หน่อยเสียมากกว่า แถมยังออกเฉดสีรองเท้าเฉพาะ "ดำ-ขาว-แดง" เพียงอย่างเดียว จนทำให้เฉดสีดังกล่าว
ถูกแต่งตั้งให้เป็น "สีต้นตำรับ" ของรองเท้าซีรี่ย์นี้ไปในที่สุด
แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมตัวตนของรองเท้าฟุตบอลตระกูล Predator® ไปอย่างสิ้นเชิง ก็คือ
การมาถึงของเจเนอเรชั่นที่ 12 อย่างเป็นทางการ ในชื่อว่า Predator® Lethal Zones ที่ถูกเปิดตัวราวๆ
กลางปี 2012 พอดิบพอดี
ราชานักล่าโฉมนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ประเด็นที่สำคัญที่สุดคงจะหนีไม่พ้น การยกเลิกการใช้
หนังสัตว์แท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังจิงโจ้ หนังวัวกระทิง หรือหนังลูกวัว ออกไปจากสายการผลิตของรองเท้า ไม่ว่า
จะเป็นรุ่นใด ระดับไหน ราคาเท่าไหร่ก็ตาม โดยแทนที่ด้วยการเปลี่ยนมาใช้เป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่
ที่อาดิดาสคิดค้นขึ้นมา ในชื่อว่า "Hybrid Touch" มาใช้กับรองเท้าระดับท็อปคลาส
ส่วนชื่อ Lethal Zones นั้นได้ถูกตั้งมาเพื่อให้สอดคล้องกับจุดขายสำคัญ นั่นก็คือ "แถบยางควบคุมและปั่นไซร์"
ที่ติดอยู่บนหน้าสัมผัสของรองเท้าแทบจะทุกด้าน ภายใต้แนวคิด "โซนอันตราย" ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 5 โซนสำคัญ
ได้แก่ การยิงปั่นไซร์ การยิงหลังเท้า การแปส่งบอล การจับบอลแรก และการเลี้ยงบอล
ดังนั้น..อาดิดาส Predator® Lethal Zones จึงสามารถถูกนิยามอย่างเต็มภาคภูมิว่า เป็นรองเท้าฟุตบอลประเภท
"คอนโทรล" อย่างเต็มรูปแบบ และการมาของเจเนอเรชั่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของรองเท้าตระกูลนักล่า
ยุคใหม่ ที่ได้ลบภาพของการเป็นรองเท้านักล่าที่ดุดันทรงพลังน้ำหนักเยอะ ไปจนแทบจะหมดสิ้น
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.siamboots.com/boots-testing-adidas-predator-lz2.html